นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรม ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โพสต์เฟชบุ้ก ถึงคดี “หวย 30 ล้าน” ดังนี้
จับพิรุธ !! หลักฐานสำคัญเชื่อมโยงถึงบ้าบิ่นในคลิปที่ออกรายการโหนกระแส วันที่ 6 ธ.ค.2560
จากภาพข่าวเดลินิวส์ วันที่ครูไปจำลองเหตุการณ์ร่วมกับตำรวจกองปราบ ที่ตลาดเรดซิตี้ว่า ไปซื้อล็อตเตอรี่วันที่ 31 ตุลาคม 2560 แล้วได้มีการแวะซื้อผักบุ้งและปลาทอด แต่จากภาพ 2 เมนูวันที่ 30 ตุลาคม 2560 คือสิ่งที่ครูพูด ในวันที่มีการจำลองเหตุการณ์ ตกลงคุณครูจำวันผิดหรือเปล่า ?
จากภาพ 2 ให้ไปดูคลิปรายการโหนกระแสของทางชมรม (แปะให้ในคอมเม้นต์) เจ๊บ้าบิ่นหลุดปากในรายการว่าครูมาเอาล็อตเตอรี่วันที่ 30 ตุลาคม 2560 ซึ่งจะตรงกับวันที่ครูไปซื้อผักบุ้งตามภาพ 1 หรือเปล่า ?
จากภาพ 1 ที่มีการไลฟ์สดผ่านช่องทรู ครูได้บอกกับรองผู้บังคับการกองปราบ และผู้กำกับกองปราบ กอง 5 ว่า หลังจากรับล็อตเตอรี่มาแล้ว ได้พูดกับแม่ค้าว่า 533726 (533) คล้ายกับป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ (หลังจากที่ทางชมรมฯ เปิดเผยข้อมูลแล้วว่า ป้ายทะเบียนรถของครูคือ 833) จากในคลิปโหนกระแส ครูได้ยืนยันในรายการว่า จำได้แม่น 533 เป็นเลขป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ ซึ่งก็พูดไม่จริงซ้ำซาก เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
บทวิเคราะห์ เหตุผลที่ครูกับพวก รวมทั้งด็อกเตอร์ท่านหนึ่งมั่นใจที่จะให้คดีหวย 30 ล้านขึ้นสู่ศาล ทางชมรมฯ จะขออธิบายรายละเอียดให้ทุกคนเข้าใจดังต่อไปนี้
สืบเนื่องจากครู
1. ได้ให้ทนายความไปยื่นฟ้องคดีแพ่ง ที่ศาล จ.กาญจนบุรี ฟ้องคดีละเมิด และร้องศาลจ.กาญจนบุรีไต่สวนฉุกเฉินให้อายัดเงินลุงจรูญ จำนวน 30 ล้านบาท ซึ่งครูได้ยื่นพยานหลักฐาน จนทำให้ศาลจ.กาญจนบุรีเชื่อว่า ครูได้มีการซื้อล็อตเตอรี่จริง และได้ทำตกหาย หากไม่มีการอายัดเงินลุงจรูญไว้ก่อน ลุงจรูญอาจยักย้ายถ่ายเทเงินเมื่อปรากฎข้อเท็จจริงภายหลังว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงคือครู ซึ่งก็จะทำให้ครูเสียหายได้ คดีนี้ยังไงทั้งสองฝ่าย ต้องสู้กันถึง 3 ศาล ใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี อยู่ที่ลุงจรูญจะอดทนได้หรือไม่ ทำให้ครูกับพวกถึงพูดแต่ไปศาลเท่านั้น
จากการยื่นพยานหลักฐานฝั่งครูในขณะนั้นต่อศาลจ.กาญจนบุรี ศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพราะเชื่อว่ามีมูล ทำให้ครูได้เปรียบในทางแพ่งในขณะนี้ ถึงได้เกิดความมั่นใจ แต่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา โดยปกติต้องรอผลคดีอาญาถึงที่สุดก่อน ถึงจะมาตัดสินในคดีแพ่ง (อาจมีการสืบพยานควบคู่ หรือจำหน่ายคดีก่อนชั่วคราว จนกว่าจะรู้ผลคดีอาญา) หากศาลจ.กาญจนบุรีในคดีแพ่งไม่รอผลคดีอาญา ให้สืบ ชมรมฯ เชื่อว่าครูมีโอกาสพลิกชนะได้ ขึ้นอยู่กับการสืบพยานในชั้นศาล
2. วิเคราะห์ถึงคดีอาญา มี 2 คดีในขณะนี้ คือลุงจรูญแจ้งความ ครูแจ้งความเท็จ เป็นคดีอาญา 1808/2560 ที่สภ.เมืองกาญจนบุรี คดีที่ 2 ครูแจ้งความลุงจรูญลักทรัพย์ ที่สภ.เมืองกาญจนบุรี จากเดิมภาค 7 ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นว่าล็อตเตอรี่เป็นของครู ต่อมา ผบ.ตร.มีคำสั่งให้โอนคดีจากภาค 7 มากองปราบ
3. หากกองปราบปรามรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วออกผลคดี 2 กรณี ดังนี้
3.1 สรุปผลครูแจ้งความเท็จ ก็จะสั่งไม่ฟ้องลุงจรูญในข้อหาลักทรัพย์ แล้วส่งสำนวนคดีไปที่พนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อดำเนินการต่อ หากอัยการมีความเห็นเหมือนพนักงานสอบสวนกองปราบ สั่งไม่ฟ้อง ก็ยังไม่ถือว่าคดีถึงที่สุด
3.2 พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ดำเนินคดีอาญากับครูในข้อหาแจ้งความเท็จ แจ้งจดข้อความอันเป็นเท็จ โดยสั่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการ พนักงานอัยการมีความเห็นตรงกัน สั่งฟ้องครูไปยังศาล ศาลต้องลงโทษครูจนคดีถึงที่สุด ถึงจะเอาผลของคดีอาญามาใช้ในคดีแพ่ง (ในกรณีที่ยังไม่มีการเพิกถอนคำสั่งอายัดของศาลจ.กาญจนบุรี) โดยปกติศาลจะรับฟังเฉพาะผลของคดีที่ศาลอาญาตัดสินถึงที่สุดแล้วเท่านั้น
3.3 หากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม และพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องลุงจรูญ ทางทีมทนายของลุงจรูญสามารถนำหลักฐานทั้งพยานบุคคล และพยานเอกสารเพิกถอนคำสั่งศาลจ.กาญจนบุรีที่คุ้มครองชั่วคราวได้ เพื่อให้ศาลจ.กาญจนบุรีทราบข้อเท็จจริง เพราะในวันที่ครูไปยื่นฟ้องต่อศาลจ.กาญจนบุรี ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงจากพนักงานสอบสวนกองปราบ และพนักงานอัยการ ส่วนศาลจะเห็นด้วยหรือยกคำร้อง ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
จากข้อ 3.1 ถึง 3.3 หากครูต่อสู้คดีในคดีแจ้งความเท็จและศาลยกฟ้อง (เชื่อว่าครูจะต้องเอาผลของศาลจ.กาญจนบุรีในคดีแพ่งที่คุ้มครองชั่วคราว และเอาผลของการแถลงข่าวของภาค 7 มาใช้ในการต่อสู้คดี ยกเว้นผลของกองปราบปรามมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนทางนิติวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์และบุคคลจนดิ้นไม่หลุด จนถูกศาลลงโทษ) คดีนี้ใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี แล้วนำผลมาใช้ในคดีแพ่ง
3.4 หากกองปราบปราม ในกรณีที่มีความเห็นว่าครูเป็นเจ้าของล็อตเตอรี่เหมือนภาค 7 คดีนี้ลุงจรูญแพ้แน่นอน เพราะครูได้เปรียบทั้งแพ่งและอาญา
คดีนี้ยังไงต้องสู้กันในศาลจ.กาญจนบุรีในคดีแพ่งไม่น้อยกว่า 5 ปีอย่างแน่นอน ถึงแม้กองปราบปรามจะสรุปว่าครูไม่ใช่เจ้าของล็อตเตอรี่ก็ตาม แต่ในทางสังคม คุณครูก็อยู่ลำบากอย่างแน่นอน และเชื่อว่าเมื่อความจริงปรากฎจากกองปราบปราม ไม่มีข้าราชการคนไหนจะกล้าบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือให้การช่วยเหลือ ดังนั้น อย่าไปเชื่อข่าวลือ ขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
ที่มาจาก FB ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
แสดงความคิดเห็น