กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พบผู้ป่วยในไทยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายที่42 พบประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ และในวันที่ 2 มี.ค.นี้จะแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน 3 ชิ้นต่อ 1 คน
วันนี้ (29 ก.พ.2563) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 วันนี้มีการตรวจยืนยันพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 1 คน เป็นชายวัย 21 ปี มีอาชีพเป็นพนักงานขาย ซึ่งสัมผัสใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ โดยเริ่มมีอาการป่วยวันที่ 24 ก.พ. เข้ารับการรักษาวันที่ 25 ก.พ.ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แต่ขณะนี้รับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี พร้อมทั้งได้ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด ทั้งครอบครัว เพื่อนร่วมงาน รวมถึงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอกชนแล้ว
ล่าสุด ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสมรวม 42 คน ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 14 คน (เป็นคนจีน 16 ราย คนไทย 12 ราย) และรักษาหายแล้ว 28 คน (เป็นคนจีน 9 ราย คนไทย 5 ราย) ทำให้ขณะนี้ไทยมีรายงานผู้ป่วยอยู่ในอันดับที่ 13 ของโลก สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 2 รายที่สถาบันบำราศนราดูร ขณะนี้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อแล้ว รอร่างกายฟื้นตัว
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในวันที่ 2 มี.ค.63
จะเริ่มมอบหน้ากากอนามัยให้ประชาชนจำนวน 3 ชิ้น ต่อคน เพื่อใช้ประโยชน์ในการป้องกันโรค ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และการจัดหา
นายอนุทิน กล่าวว่า ในวันนี้โรคติดเชื้อ
2019 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นโรคติดต่ออันตรายตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ 2558 มีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ (1 มีนาคม 2563) เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย หรือมีอาการของโรคปอดอักเสบ ในรายที่อาการรุนแรง จะมีอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและอาจถึงขั้นเสียชีวิต ภายหลังจากที่ประกาศมีผลบังคับใช้ จะออกมาตรการต่างๆ ภายใต้อำนาจของกฎหมายฉบับนี้ เพื่อยืดระยะเวลาการเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการแพร่ระบาดของโรคให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนข้อสงสัยข้อกังวลของประชาชนที่เดินทางไปพื้นที่เสี่ยงกลับมาแล้วจะปฏิบัติตัวอย่างไร ขอความร่วมมือ ต้องสังเกตอาการป่วยอยู่ที่บ้านที่พักจนครบ 14 วัน นับจากวันที่กลับ หลีกเลี่ยงการไปที่สาธารณะที่มีคนอยู่หนาแน่นโดยไม่จำเป็น ให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น งดใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น หมั่นล้างมือบ่อยๆ กินร้อนช้อนกลาง หมั่นทำความสะอาดห้องน้ำ ชักโครก ลูกบิดประตู ด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ เสื้อผ้า และหากภายใน 14 วัน มีไข้ร่วมกับไอ จาม ให้รีบมาพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง
ขอขอบคุณ
ryt9
thaipbs
แสดงความคิดเห็น